เราจะผลักดันบริษัทในไทยให้ก้าวไปสู่อีกขั้น
ของบริษัทชั้นนำ “DX แบบญี่ปุ่น” ด้วยเทคโนโลยี
แบบญี่ปุ่น ทรัพยากรบุคคล และความครบวงจรของเรา
แนะนำบริษัท
บริษัท NS Solutions (เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก NSSOL ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ปี พ.ศ. 2562) สนับสนุนด้าน IT ในระบบการผลิตภายในอุตสาหกรรมเหล็กซึ่งต้องใช้ความชำนาญสูงมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี
นอกจากนี้เรายังสนับสนุนอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต การเงิน และการกระจายสินค้าด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เรายังขยายสาขาไปทั่วโลกกว่า 7 ประเทศ เช่น ประเทศจีน และในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรามุ่งมั่นสู่การเป็นผู้ให้บริการ IT แบบครบวงจรเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้า
เรา “ผู้นำในวงการ IT” ได้นำเทคนิคต่าง ๆ ที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปี และอาศัยเครือข่ายต่างประเทศก่อตั้ง “บริษัท Thai NS Solutions” ขึ้นในปี พ.ศ. 2556 เพื่อส่งต่อการบริการคุณภาพแบบญี่ปุ่น เสริมสร้างดิจิตอลโซลูชันที่มีความหลากหลายในยุคที่มีทั้ง AI (ปัญญาประดิษฐ์), BI (ระบบธุรกิจอัจฉริยะ), IoT (Internet of things), 5G (Generation 5) ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการของบริษัทญี่ปุ่นทั้งในไทยและอาเซียนได้อย่างยืดหยุ่น
ซัพพอร์ตการทำงานแบบ DX อย่างเต็มรูปแบบ
เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กับลูกค้า
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้บริษัทเรากำลังให้ความสำคัญกับ Digital Transformation (DX)
DX จะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบโมเดลทางธุรกิจ การบริการ และผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเป็นตัวช่วย เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่น ประเทศไทยเพิ่งเริ่มใช้คำนี้และเริ่มมีความคิดที่จะสนับสนุน DX อย่างจริงจังเมื่อประมาณ 1 ปีมานี้เอง
โดยคุณเคนสุเกะ ซูซูกิ (MD) วิเคราะห์ว่าสถานการณ์โควิด 19 ช่วยเป็นแรงผลักดันให้ DX ในไทยพัฒนาและเติบโตเร็วขึ้น รวมถึงความต้องการในตลาดก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
“ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2563 มีนักธุรกิจที่เดินทางไปมาระหว่างไทยกับญี่ปุ่นทั้งชั่วคราวและระยะยาวเพื่อมาตั้งธุรกิจใหม่ในไทยหรือสอนเทคนิคต่าง ๆ ให้กับพนักงานในไทยมากมาย นอกจากนี้ยังมีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากที่มาตั้งบริษัทในไทยเพื่อใช้เป็นฐานธุรกิจของอาเซียน
การขนส่งสินค้าหรือการเดินทางไปมาระหว่างประเทศเพื่อนบ้านจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อมีวิกฤติโควิด 19 เกิดขึ้น สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การใช้วิธีการแบบเดิม ๆ กลายเป็นเรื่องยาก การดำเนินการทางธุรกิจก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อกระแสโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ไทยจึงได้เข้าสู่ “ยุคดิจิตอล” อย่างเต็มตัว”
การที่สังคมเปลี่ยนแปลงไปก็ถือเป็นเรื่องดี บริษัทของเราซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างระบบและแอปพลิเคชันก็สนับสนุน DX เพื่อก้าวข้ามกำแพงระหว่างพรมแดนประเทศ โครงสร้างธุรกิจ และขอบเขตอุตสาหกรรม ลองผิดลองถูกไปพร้อม ๆ กับลูกค้า พัฒนาและให้บริการ IT ที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป
องค์กรที่ผสมระหว่างญี่ปุ่นและไทย
ทำให้งานสำเร็จอย่างราบรื่น
นำเสนอโซลูชันที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนโดย ERP และ MTO
นอกจากนี้ยังมีหลายบริษัทที่ใช้ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ซึ่งทำหน้าที่จัดการระบบองค์กรโดยรวม และในช่วงไม่กี่ปีมานี้เรายังทุ่มเทให้กับระบบ MTO (Make to Order) ที่จะช่วยแก้ปัญหาอื่น ๆ ในกรณีที่ระบบ ERP ไม่ครอบคลุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทักษะในฐานะ “ผู้ให้บริการ IT รอบด้าน” ที่หายากในไทย
“ในวงการ IT ของไทยนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทั้ง ERP และ MTO ไม่ได้มีมากนัก แต่บริษัทเรามีทีม ERP สำหรับธุรกิจหลักแบบบูรณาการ และทีม MTO สำหรับการพัฒนาแบบตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเรามีที่ปรึกษาและ SE (System Engineer) ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีคุณภาพญี่ปุ่นในทั้งสองแขนง ดังนั้น จุดแข็งของเราคือ เราสามารถสร้างระบบแบบออเดอร์เมดที่รวมเอาข้อดีของแต่ละอย่างมาไว้ด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ” คุณยาสุโนริ อิชิอิ (GM) ฝ่ายเซลล์กล่าว
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้บริษัทที่ต้องการลดต้นทุนมีรูปแบบโซลูชันที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเราเสนอแพ็คเกจ ERP ให้ ลูกค้าเพียงเพิ่มเฉพาะระบบย่อยที่จำเป็นเท่านั้น วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วย
บริษัทจะทำให้ผลลัพธ์จากการใช้ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุดตามคำกล่าวที่ว่า “การสร้างระบบไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกค้าสามารถใช้ระบบได้อย่างดีต่างหาก” และนอกจากเราจะติดตามผลหลังจากการนำระบบมาใช้แล้ว เรายังจะช่วยแก้ไข ปรับปรุงโปรแกรมให้การสนับสนุนทั้งหมด ตั้งแต่กระบวนการสร้างระบบ การใช้งาน ตลอดจนการบำรุงรักษา
จุดแข็งของเราคือการบริการแบบไฮบริดและดูแลโดยเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่น
กล่าวได้ว่า การดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายได้นั้น การสื่อสารระหว่างคนญี่ปุ่นและคนไทยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าระบบของญี่ปุ่นจะดีเพียงใดก็ตาม วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมทางธุรกิจที่แตกต่างกันก็อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและไม่สำเร็จตามที่คาดหวังได้
ดังนั้น บริษัทเราจึงจัดตั้งทีมที่มีทั้งเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นและชาวไทยไว้ด้วยกัน เพราะสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การแบ่งปันความเห็นซึ่งกันและกันระหว่างผู้รับผิดชอบงานชาวไทยซึ่งเป็นฝ่ายจัดการดูแลลูกค้าในไทยและผู้รับผิดชอบงานชาวญี่ปุ่นที่ดูแลการจัดการของชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ ผู้รับผิดชอบชาวญี่ปุ่นยังมีบทบาทเป็นผู้ประสานงานกับทั้งภายในและนอกบริษัทด้วย คุณยูทากะ อิโต (GM) ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกการจัดการและพัฒนาระบบกล่าวถึงความสำคัญของระบบการจัดการที่ไม่เหมือนใครดังนี้
“เรามีบุคลากรที่มากประสบการณ์ แต่หากเราดำเนินงานโดยมีเพียงเจ้าหน้าที่ชาวไทยอย่างเดียวนั้นก็มีแนวโน้มที่การดำเนินงานจะเกิดความคลาดเคลื่อนจากเจตนารมณ์ของสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่นและผู้จัดการชาวญี่ปุ่นได้ ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยดังกล่าวและการสื่อสารผิดพลาดอาจส่งผลร้ายแรงได้ เนื่องจากเป็นงานที่จะเติบโตขึ้นไปพร้อมกับลูกค้าและร่วมมือกันเป็นเวลานาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความไว้วางใจและเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เราจึงมีการวางระบบการจัดการให้เข้ากับท้องถิ่นด้วย”
ถึงพาร์ทเนอร์ DX ที่ยังอยู่ด้วยกันตลอดถึงแม้จะเป็นยุคนิวนอร์มอล
“แนวคิดพื้นฐานของ DX นั้นมีนิยามของคำว่า “Continuous = ต่อเนื่อง” รวมอยู่ด้วย ในขณะนี้ที่ทั่วโลกกำลังพยายามเอาชนะความวุ่นวายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคม คุณภาพของการบริการและตัวเลือกต่าง ๆ ก็มีความหลากหลายมากขึ้น และนั่นยิ่งทำให้เราต้องสนับสนุนโซลูชันให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เราจะมีการอัปเดตและติดตามการบริการอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เพียงครั้งเดียว เพื่อเป็นผู้นำทางด้าน IT ให้กับลูกค้าต่อไป” คุณซูซูกิ (MD) กล่าว ทั้งนี้ บริษัทก็ยังคงเผชิญหน้ากับความท้าทายและคอยจับตามองหลังสถานการณ์โควิดต่อไป