「ครบรอบ 100 ปีสำหรับยามาโตะกรุ๊ป และ 30 ปีสำหรับยามาโตะไทยแลนด์」
《โปรไฟล์》
Managing Director
Mr.Kunihiko Tsukigata
■เกิดปี 1976 ที่โตเกียว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมจิงักคุอิน เข้าทำงานที่บริษัท Yamato Unyu ปี 1998 ตำแหน่งที่สำคัญที่ผ่านมาก็คือผู้จัดการรับผิดชอบงานของ Yamato Holdings Global จนกระทั่งรับตำแหน่ง Managing Director ของ Yamato Unyu (Thailand)ในปัจจุบัน
■ หนังสือเล่มโปรด：Story toshite no kei-ei Senryaku
■บุคคลที่เคารพ：Ogura Masa
■งานอดิเรก：ดื่มคราฟต์เบียร์ เล่นกอล์ฟ
■ร้านประจำในกรุงเทพฯ：Mikkeler Bangkok Yakiniku Yamato
■นาฬิกาเรือนโปรด：Apple watch
■การใช้เวลาวันหยุด：เล่นกับลูก ดื่มเบียร์ ไปเล่นกอล์ฟ
ยามาโตะกรุ๊ปบริษัทชั้นนำด้านบริการส่งพัสดุถึงบ้านของญี่ปุ่นซึ่งมีผลประกอบการที่น่าภาคภูมิใจ อีกทั้งเป็นบริษัทที่มีนโยบายส่งเสริมการออกไปลงทุนในประเทศต่างๆ เป็นอย่างมาก ทั้งในเซียงไฮ และฮ่องกง มาเลเซีย ตามมาด้วยประเทศไทยที่เริ่มธุรกิจบริการส่งพัสดุถึงบ้าน นับว่าเป็นบริษัทขนส่งใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลที่ให้บริการครบครัน ทั้งการขนส่งสินค้าให้กับภาคอุตสาหกรรมไปทั่วโลก หรือการให้บริการขนส่งเพื่อย้ายที่อยู่ทั้งในและต่างประเทศ
“ครบรอบ 100 ปีสำหรับยามาโตะกรุ๊ป และ 30 ปีสำหรับยามาโตะไทยแลนด์”
ปีนี้และปีหน้าเป็นปีแห่งความยินดี
ยามาโตะกรุ๊ปซึ่งเป็นเสาหลักของยามาโตะอุนยูก่อตั้งเมื่อปี 1919 ปีนี้ครบรอบ 100 ปีพอดีครับ ปกติแล้วบริษัทของเราจะมีภาพลักษณ์ว่าเป็น “บริษัทขนส่งพัสดุแบบบริการถึงบ้าน” แต่ความจริงแล้วบริการส่งของถึงบ้านนี้เริ่มปี 1976 โดยที่ก่อนหน้านั้นเรามีบริการหลักคือ ส่งสินค้าออกไปทั่วโลกและขนส่งของเพื่อย้ายบ้าน
ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีการแบ่งบริการเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ และเดินหน้าขยายธุรกิจบริการไปยังต่างประเทศอย่างเต็มที่ โดยที่การสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นที่ออกไปลงทุนยังต่างประเทศนั้น นอกจากการให้บริการขนส่งสินค้าแล้ว ยังต้องมีการบริการขนของเพื่อย้ายที่อยู่ควบคู่กัน และสุดท้ายก็ต้องมีบริการส่งของถึงบ้านในพื้นที่ซึ่งคนญี่ปุ่นเหล่านั้นอาศัยอยู่ด้วย
ปีหน้าก็จะครบรอบ 30 ปีสำหรับยามาโตะไทยแลนด์
ต้องขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเราครับ ยามาโตะไทยแลนด์ได้สนับสนุนซัพพลายเชนของบริษัทญี่ปุ่น ตลอดมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว ทั้งการขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบก การให้บริการชิปปิ้งผ่านศุลกาการทั้งขาเข้าและขาออก ไปจนถึงโกดังเก็บสินค้าให้เช่าและบริการขนส่งจากโกดัง ซึ่งเราสามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร อีกทั้ง ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่เรายังสามารถติดต่อกับสาขาที่อยู่ในประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย
ปัจจุบัน เราให้ความสำคัญกับประเทศกลุ่มแม่นํ้าโขงคือ ประเทศไทย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม จีน รวมทั้ง มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งมีพรมแดนติดกัน หรือที่เรียกว่า Cross Border Logistics เป็นอย่างมาก
อธิบายอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ เราได้สร้างเครือข่ายการขนส่งแบบบรรทุกรวม ในเส้นทางประเทศไทย จีน มาเลเซีย เมียนมาร์ รวมทั้งการให้บริการสำหรับลูกค้ารายเล็กแต่จ่ายเงินมาก และการบริการเล็กๆ น้อยๆ เช่น จัดการเรียงพัสดุในโกดังให้เป็นระเบียบ เป็นต้น พร้อมกันนั้น เราก็ยังตอบรับซัพพลายเชนของลูกค้าในภูมิภาค ASEAN และ GMS ซึ่งเป็นศูนย์กลางภาคการผลิตด้วย
การครบรอบ 30 ปีของยามาโตะไทยแลนด์ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ต่อจากนี้ ก็จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก โดยจะมีการขยายเครือข่ายการขนส่งต่างประเทศที่ได้กล่าวถึงข้างต้นให้ ให้กว้างขึ้นอีก และจะเพิ่มบริการปลีกย่อยให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำระบบดิจิตอลเพื่อให้การบริการมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการทำระบบติดตามการเดินทางของสินค้า การวางโครงสร้างเพื่อสนับสนุนซับพลายเชนซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางให้มีมูลค่ามากขึ้น ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่อยากจะลงทุนแน่นอนครับ
เริ่มบริการ “ส่งพัสดุถึงบ้าน” ในเมืองไทยแล้ว
หลายปีมานี้ สมาร์ทโฟนได้แพร่หลายในประเทศไทยอย่างมาก ทำให้ธุรกิจ e-commerce ก็เติบโตขึ้นตามไปด้วย และการค้าขายระหว่างบุคคลธรรมดาใน Market Place ก็ได้รับความนิยม แต่ละปีการส่งของของลูกค้ารายเล็กๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้น ในปี 2017 จึงตั้งบริษัท SCG YAMATO Express ขึ้นมาเพื่อให้บริการส่งพัสดุถึงบ้าน
ในตอนนี้ เราสามารถส่งของได้ทั้วประเทศ ยกเว้นบางส่วนซึ่งเป็นเกาะที่ห่างไกล สำหรับบริการขนของย้ายบ้าน ซึ่งเป็นบริการสำหรับคนญี่ปุ่นในประเทศไทยก็มีพนักงานคนญี่ปุ่นประจำอยู่ถึง 7 คน ดูแลลูกค้าตั้งแต่เสนอราคาไปจนถึงดูแลการขนย้ายตลอดขั้นตอน โดยนึกนึงคุณภาพการบริการมาเป็นอันดับหนึ่ง และแน่นอนว่า เราไม่ได้ให้บริการเฉพาะการขนย้ายระหว่างญี่ปุ่น – ไทย เท่านั้น แต่ยังให้บริการขนย้ายทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงด้วย
ได้ยินมาว่าครั้งนี้เป็นการรับตำแหน่งมาทำงานต่างประเทศครั้งแรก
ตอนเริ่มเข้าทำงานที่บริษัทแรกๆ ก็ถูกจัดให้ไปอยู่แผนกส่งของถึงบ้าน หน้างานทำงานจนเหงื่อท่วมตัวประจำ จนกระทั่งได้ย้ายแผนกเมื่อปี 2008 โดยย้ายไปเป็นสมาชิกโครงการสำรวจการทำธุรกิจส่งของถึงบ้านในต่างประเทศ และเข้าไปมีส่วนกับการทำธุรกิจในต่างประเทศของบริษัท
หลังจากนั้น การไปทำงานต่างประเทศระยะสั้นก็เพิ่มจำนวนครั้งมากขึ้น จนกระทั่งรับตำแหน่งปัจจุบันในปี 2018 ตอนแรกก็กังวลเรื่องภาษาและวัฒนธรรมที่ต่างกัน แต่ด้วยความที่เป็นองค์กรที่มีประวัติยาวนานถึง 30 ปี พื้นฐานระบบบริษัทจึงสร้างคนให้อยู่ในวัฒนธรรมองค์กรอย่างดี ทำให้การทำงานเป็นไปด้วยดี
แม้กระนั้น เมื่อหันมองกลับไปวันที่เคยส่งของให้กับลูกค้า จนกระทั่งวันนี้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสาขาในต่างประเทศแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาก การอาศัยในประเทศไทยกับครอบครัว มีลูกๆ 3 คน (4 ขวบ 6 ขวบ 9 ขวบ) และภรรยา ทุกคนก็ยังไม่คุ้นเคยมากนัก จึงพยายามให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อน แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มการไปเล่นกอล์ฟครับ
ด้วยความที่เป็นองค์กรที่มีประวัติยาวนานถึง 30 ปี ทีมงานทุกคนมีความแข็งแกร่ง ทำให้สามารถลองทำสิ่งใหม่ๆ ได้
