KOIKEYA (THAILAND)「การที่ผมไม่เข้าไปมีบทบาท น่าจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า」Komine Tsuyoshi

การที่ผมไม่เข้าไปมีบทบาท น่าจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า

《โปรไฟล์》
ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่
Komine Tsuyoshi
โคมิเนะ สึโยชิ
■เกิดปีพ.ศ.2518 ที่จังหวัดไซตามะ หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Meisei ก็เข้าทำงานที่บริษัท ITO EN ในปีพ.ศ.2546 โดยรับตำแหน่งตั้งแต่ฝ่ายขาย การตลาด การเงิน บัญชี ไปประจำในสาขาต่างประเทศ จนในเดือนมกราคมพ.ศ.2562 จึงได้มาทำงานที่บริษัท KOIKEYA (THAILAND) ในปัจจุบัน
■คำคมที่ประทับใจ : จะไม่เสียใจภายหลัง
■บุคคลที่นับถือ : ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอด
■งานอดิเรก : กินดื่ม, ท่องเที่ยว, ชมการแข่งกีฬา, ออกกำลังกาย
■การใช้เวลาว่างในวันหยุด : ออกไปเที่ยวกับครอบครัว, ตีกอล์ฟ
■หนังสือเล่มโปรด : หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ, หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
■เว็บไซต์ที่เข้าชมบ่อย : หนังสือพิมพ์ Nihon Keizai, JIJI Press


บริษัท KOIKEYA (THAILAND) เป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไรครับ ?

เราทำหน้าที่จัดหาจัดซื้อสินค้า รวมไปถึงวางกลยุทธ์การตลาดและการขายสินค้าเป็นหลักครับ ก่อนหน้านี้เราได้มอบหมายให้กลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น (TCC Group) เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าของเรา แต่หลังจากนี้ไปเราตั้งใจว่าจะสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาครับ

ผมคิดว่าบริษัทเราจะทำให้มันฝรั่งทอดกรอบคารามูโจ้ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในไทยอยู่ ณ ขณะนี้ เป็นสินค้าที่สามารถดึงดูดและเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักของเราที่อยู่ในช่วงวัยมหาลัยไปจนถึงวัยที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ เพราะพนักงานทุกคนของเราก็อยู่ในช่วงวัย 20 – 30 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังมีไฟในการทำงานเช่นกันครับ

นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญที่เราจ้างคนในวัยนี้เข้ามาทำงานก็เพราะว่าคนเหล่านี้จะยังไม่มีประสบการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารเท่าไหร่ครับ อันที่จริงพนักงานบริษัทเรา นอกจากผมแล้วก็มีแต่คนที่ยังไม่เคยทำงานในอุตสาหกรรมอาหารมาก่อน เหตุผลที่จ้างพนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ในแวดวงนี้ก็เพราะพวกเขาจะได้ไม่มีอคติหรือความเคยชินอย่างที่คนในแวดวงมีนั่นเอง และผมหวังว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้จะสามารถนำเสนอไอเดียที่แปลกใหม่ให้กับเราได้

ยิ่งไปกว่านั้น ผมมองว่าพวกเขาเหล่านี้มีมุมมองความคิดที่ใกล้เคียงกับผู้บริโภคมากว่าตัวผมเองเสียอีก ดังนั้นผมจึงอยากให้พวกเขาได้นำมุมมองแบบผู้บริโภคมาใช้วางกลยุทธ์ที่ตรงใจผู้บริโภคให้มากขึ้นครับ

ผมต้องระวังไม่ไปแทรกแซงความคิดของพวกเขาครับ การที่มีความคิดเห็นจากคนที่มีประสบการณ์ในแวดวงมาก่อนแม้เพียงแค่คนเดียวเข้าไปแทรกแซงความคิดของคนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า ก็สามารถทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและไขว้เขวไปกับความคิดเห็นนั้นได้ ผมคิดว่าการที่ผมไม่ได้เข้าไปมีบทบาทอย่างเป็นทางการนั้นน่าจะทำให้บริษัททำงานไปได้อย่างราบรื่นมากกว่า

ที่ไทย “คารามูโจ้” ก็ดังไปทั่วประเทศเหมือนกันนะครับ

ส่วนแบ่งการตลาดขนมของเรายังไม่มากครับ แต่ถ้าดู “คารามูโจ้” เดี่ยว ๆ จากผลสำรวจปี พ.ศ.2561 ในบรรดามันฝรั่งที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ “คารามูโจ้” ก็ถือว่ามียอดขายอยู่ในอันดับต้น ๆ ครับ

ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่าทำไมผู้บริโภคถึงเลือก “คารามูโจ้” แทนที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตรายใหญ่จากต่างประเทศรายอื่น ๆ ที่มีมากจนล้นตลาด ปีที่แล้วเราจึงทำแบบสำรวจทางอินเทอร์เน็ต สอบถามผู้ซื้อสินค้าจำนวน 1000 คน พบว่าคนส่วนใหญ่ 70% ตอบว่า เพราะรสชาติอร่อย ตอนแรกเราก็คิดว่าคนไทยจะซื้อเพราะเป็นรสเผ็ดอย่างที่คนไทยชอบ ผมรู้สึกแปลกใจกับผลลัพธ์อยู่เหมือนกัน

เดิมทีเมื่อ 10 ปีก่อน คารามูโจ้เริ่มวางจำหน่ายเพื่อทดสอบตลาด จากนั้นเราก็สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน และหวังว่าเราจะสร้างผลงานที่ทำให้ยอดขายก้าวกระโดดขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปครับ

เป้าหมายต่อไปคือะไร

เราต้องการสร้างบริษัทของเราให้แตกต่างจากบริษัทอื่น และในขณะเดียวกันเราก็อยากจะขยายตลาดด้วยสินค้าที่ไม่เหมือนใครครับ

ตอนนี้เรามี “มันฝรั่งทอดกรอบรสสาหร่ายและเกลือ” ที่เป็นสินค้ายอดฮิตของเรา แต่ในด้านการตลาด สินค้าที่วางขายก่อนมักจะได้เปรียบ การเปรียบเทียบระหว่างสินค้าชนิดเดียวกันที่เพิ่งออกมากับสินค้าที่ครองตลาดอยู่ก่อนแล้วจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

เพราะฉะนั้น เราจึงตั้งมั่นเอาไว้ว่าเราจะขยายการตลาดของเราให้ใหญ่ขึ้นและสร้างเอกลักษณ์ในสินค้าของเราให้มากขึ้นเพื่อให้ได้รับการกล่าวขานว่า “ถ้าเป็นมันฝรั่งทอดกรอบแล้วล่ะก็ต้องของ Koikeya เท่านั้น !” ให้ได้ครับ ด้วยขนาดธุรกิจของเราในปัจจุบัน ถ้าไม่วางแผนการตลาดให้ดี อาจทำให้จัดการสินค้าได้ยาก แต่ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับเราก็คือ เราอยากจะปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่สามารถ “ต่อยอดสินค้าจำนวนเล็ก ๆ ” ให้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคงให้ได้ก่อน

ดังนั้นตอนนี้เราจึงมุ่งไปที่การพัฒนา “คารามูโจ้” ที่ผลิตในไทย และ “สคอร์น” ที่นำเข้ามาจากโรงงานในเวียดนามของเราเป็นอันดับแรก

ในขณะเดียวกัน ภายใน 5 ปีนับจากนี้ เราก็จะสร้างความแข็งแกร่งโดยการวางรากฐานที่มั่นคงภายในองค์กรให้ได้ พนักงานของเราที่ยังอยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปีอาจจะคิดว่าอนาคตของพวกเขาในบริษัทเล็ก ๆ ยังดูไม่แน่นอน แต่เราจะพยายามสร้างสภาพแวดล้อมในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น เพื่อคลายความกังวลของพนักงานลงให้ได้ครับ

พนักงานของเราทุกคนล้วนเป็นคนที่รักการเรียนรู้และทำงานกันอย่างเต็มที่เสมอ ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกหนักใจในเรื่องนี้เลยครับ อย่างตอนที่เราเพิ่งเริ่มนำเข้าผลิตภัณฑ์มาจากประเทศเวียดนามใหม่ ๆ ก็ได้พวกเขานี่แหละครับที่คอยช่วยประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ เพราะมีพวกเขาเหล่านี้ ผมจึงรู้สึกมั่นใจมากว่าบริษัทของเราจะสามารถเติบโตเป็นบริษัทที่ดีกว่าเดิมได้ในอนาคตครับ

เหล่าพนักงานคนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังสำคัญของ KOIKEYA (THAILAND)

Share this article.

PAGE TOP